เที่ยวเกียวโต ย้อนเวลา ท่องยุคเอโดะ

             สวัสดีครับทุกๆท่าน วันนี้ผมจะพามาเที่ยวเกียวโต เพื่อให้ได้สัมผัสบรรยากาศญี่ปุ่นแท้ๆแบบย้อนยุคเพราะถึงแม้ว่าญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่มีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าล้ำกว่าชาวบ้าน

              แต่วัฒนธรรมความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมในยุคเอโดะ ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้ ในมหานคร“เกียวโต”ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรญี่ปุ่นแห่งนี้ เรามาทำความรู้จักกับญี่ปุ่นในอีกมุมมองหนึ่งที่น่าค้นหากันเถอะครับ

              เมืองเกียวโตนี้ตั้งอยู่ไม่ห่างจากเมืองโอซะกะครับ สามารถนั่งรถไฟ JR หรือรถไฟของบริษัทอื่นๆ มาลงที่สถานีเกียวโต โดยใช้เวลาประมาณ 40-60 นาทีครับ ขึ้นอยู่กับชนิดรถไฟและช่วงเวลาที่เดินทางครับ

เกียวโต
ป่าไผ่ที่โด่งดังของย่านอาราชิยาม่า เกียวโต

  ในวันนี้ผมเริ่มการท่องเที่ยวเกียวโต กลับไปสู่ยุคเอโดะของผมที่ย่านอาราชิยาม่าครับ การเดินทางมาย่านนี้ก็ไม่ยากเช่นกันครับ สามารถนั่งรถไฟ JR จากสถานี Kyoto มาลงที่สถานี Saga-Arashiyama เมื่อมาถึงที่สถานีผมจึงมุ่งไปที่จุดหมายแรกในวันนี้ครับ ซึ่งก็คือป่าไผ่ที่โด่งดังของย่านอาราชิยาม่า เราสามารถเดินเท้าจาก สถานีไปถึงบริเวณป่าไผ่ได้โดยการเดินตามป้ายบอกทางครับ หรือถ้าไม่แน่ใจให้ถามเจ้าหน้าที่ ที่สถานีได้เลยครับ คนญี่ปุ่นใจดี ยินดีช่วยเหลืออยู่แล้วครับ เมื่อมาถึงในระหว่างที่เดินเล่นในป่าไผ่ก็เกิดฟ้าฝนเป็นใจครับ ลดพัดเบาๆ ฝนอ่อยๆ เดินกินลม ชมทิวไผ่ ฟังเสียงไผ่ลู่ลม เป็นบรรยากาศยามเช้าของยุคเอโดะที่น่าอภิรมย์มากๆเลยครับ เมื่อเดินไปซักพักก็ถึงที่หมายถัดไปของเราครับ “วัดเท็นริวจิ” (Tenryu-ji Temple)

เกียวโต
สระน้ำในบริเวณวัด

            วัดเท็นริวจิ เป็นวัดในศาสนาเซน ลัทธินินไซ ที่ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตให้กลมกลืนกับธรรมชาติ    บริเวณโดยรอบของวัดจึงถูกตกแต่งให้มีความสวยงาม เหมาะแก่การนั่งพิจารณา สงบจิตใจและหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ เมื่อก้าวเข้าไปในวัดสามารถรับรู้ได้ถึงความสวยงามของธรรมชาติและความสงบของจิตใจที่ชาวญี่ปุ่นในสมัยเอโดะยึดถือปฏิบัติกันเลยครับ ภายในวัดยังมีพื้นที่จัดให้นั่งพิจารณาสระน้ำที่มีความใสจนกระทั่งสามารถเห็นตัวปลาที่แหวกว่ายไปมา ได้อย่างชัดเจน เมื่อนั่งลงดูแล้วผมล่ะไม่อยากจะลุกไปไหนเลยครับ เมื่อยขา ฮ่าๆ ล้อเล่นครับ สวยจนไม่อยากจะละสายตาจริงๆ แต่ก็ถึงเวลาต้องรีบไปแล้วครับ เดี๋ยวจะไปไม่ทันเปลี่ยนชุด กิโมโนให้เข้าการท่องเที่ยวยุคเอโดะของเราในวันนี้ครับ อิอิ

เกียวโต
เกียวโต
เกียวโต
เกียวโต

ใครที่อยากเข้าถึงอารมณ์ให้ได้ฟีลจริงๆเพราะไหนๆก็มาเที่ยวเกียวโตแล้ว  ผมแนะนำว่าลองมาร้านที่ให้บริการเช่าชุด กิโมโนที่เราจะไปกันวันนี้มีชื่อว่าร้าน Yumeyakata ครับ ราคาค่าเช่าจะขึ้นอยู่กับเทศกาล แต่หากไปเป็นคู่หญิงชายแล้วล่ะก็ แนะนำให้จองทางเว็บไซต์ของร้านครับ จะสามารถเช่าได้ในราคาพิเศษ (ผมเช่าได้ในราคา 5000 เยนสำหรับคู่หญิงชายครับ) ที่เลือกร้านนี้เพราะเดินทางไปได้สะดวกมากครับ อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดิน Gojo ครับ สามารถเดินเท้าจากสถานีไปได้เลยครับ

เกียวโต
ร้านเช่าชุดกิโมโน

เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วพร้อมออกไปเที่ยวเกียวโตต่อแล้วครับ  สถานที่ต่อไปคือ ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Inari Shrine) ที่ทุกคนที่มาเยือนเกียวโต จะต้องไปให้เห็นกับตาครับ สามารถเดินทางไปได้โดย รถไฟ JR จากสถานีเกียวโต ลงที่สถานี อินาริ ได้เลยครับ

เกียวโต
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Inari Shrine)

                               ซุ้มประตูสู่ทรวงสวรรค์กับสาวญี่ปุ่นยุคเอโดะครับ อิอิ^^

                สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้คือ ซุ้มประตูสีแดงที่มีมากกว่าร้อยต้นทอดตัวยาวตามเส้นทางของไหล่เขาเป็นทางยาวกว่า 4 กิโลเมตรที่ชาวญี่ปุ่นในยุคเอโดะเชื่อว่าเป็นซุ้มประตูไปสู่สวรรค์ของเทพจิ้งจอกที่มักจะเดินทางส่งสารระหว่างสรวงสวรรค์มายังโลกมนุษย์ครับ ซุ้มประตูพวกนี้ทอดตัวยาวมากครับ ใครที่คิดจะเดินไปจนถึงซุ้มสุดท้ายคิดดีๆนะครับเพราะเป็นระยะทางขึ้นเขา ร่างกายไม่พร้อมทรุดเอาได้ง่ายๆนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน อิอิ

เกียวโต
วัดคิโยมิซึ (Kiyomizu Temple)

หลังจากสักการะศาลเจ้าแล้ว ถึงเวลาเดินทางไปขอพรที่วัดชื่อดังของเกียวโตแล้วครับ จุดหมายต่อไปคือ วัดคิโยมิซึ (Kiyomizu Temple) หรือแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า”วัดน้ำใส“ครับ หลายคนก็คงจะคุ้นหูกันอยู่แล้วนะ  การเดินทางจะต้องขึ้นรถบัสประจำทางของเกียวโตครับ ลงที่ป้าย Kiyomizu Temple จากนั้นเดินไปตามป้ายก็จะถึงวัดครับ

             เมื่อไปถึง ประตูทางเข้าวัด ดูขลังและยิ่งใหญ่สมกับเป็นวัดชื่อดังที่คนญี่ปุ่นเลื่อมใสครับ ภายในวัดมักจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย ส่วนมากนิยมใส่ชุดกิโมโนมาเดินเยี่ยมชมสถานที่ครับ ทำให้รู้สึกได้ถึงบรรยากาศของญี่ปุ่นในยุคสมัยเอโดะจริงๆครับ

เกียวโต
น้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่วัดน้ำใส

บริเวณที่มีชื่อเสียงและเป็นที่มาของชื่อวัดน้ำใสคือบริเวณบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดจากสายน้ำสามสายที่ไหลมาจากยอดเขาแล้วมารวมกันที่จุดนี้กลายเป็นบ่อน้ำใสแจ๋วอย่างที่เห็นครับ นอกจากนี้ สายน้ำทั้งสามยังมีความพิเศษตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่นว่า หากได้ดื่มน้ำจากสายน้ำแต่ล่ะสาย จะทำให้มีโชคในเรื่อง สุขภาพ หน้าที่การงาน และความรัก โดยทางวัดก็มีบริการขันตักน้ำที่ฆ่าเชื้อด้วยความร้อนไว้ให้พวกเราๆได้ลองตักน้ำศักดิ์สิทธิ์มาดื่มกินกันครับ แต่ปัญหาคือผมไม่ทราบว่าสายไหนให้โชคด้านไหน ท่านใดได้ไปเยือนก็ลองเสี่ยงดวงดูเอานะครับ เพราะตามความเชื่อของชาวเอโดะแล้ว เราเลือกขอพรได้แค่เรื่องเดียวครับ ส่วนใครที่อยากจะลองดื่มทั้งสามสายเลยก็ไม่ว่ากันครับ ตามความสะดวกส่วนบุคคลเลยครับ ^^

             หลังจากอิ่มน้ำ เย้ย ^^ อิ่มบุญกันไปเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาที่เราจะต้องนำชุดกิโมโนไปคืนที่ร้านครับ เพราะทางร้านอนุญาตให้เราเช่าได้ถึงเวลา 19.oo น.ของแต่ล่ะวันเท่านั้นครับ หากเกินกว่านั้นจะต้องจ่ายเงินเพิ่มครับ แต่การเดินทางท่องโลกยุค เอโดะครั้งนี้ยังไม่จบลงง่ายๆครับ ผมยังไม่ได้พาทุกท่านไปชมย่านของ “เกอิชา” ที่ขึ้นชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในเกียวโตเลยครับ

 

เกียวโต
ย่านเกอิชายามค่ำคืน

  ย่านนี้มีชื่อว่า ย่าน “กิออน” (Gion) ครับ เป็นย่านกลางคืนที่มีถนนทอดตัวยาวพร้อมไฟระยิบระยับจากร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่เสิร์ฟอาหารพร้อมทั้งมีการแสดงโชว์จากเกอิชามืออาชีพครับ เรื่องราคาไม่ต้องพูดถึงครับ สูงมากๆ ผมทำได้แค่เดินชมบรรยากาศในย่านนี้เท่านั้น แล้วกลับไปกินอาหารทั่วไปที่โอซาก้าครับ แหะๆ

            แล้วการท่องยุคเอโดะ  จากทิปการเที่ยวเกียวโตของผมก็จบลงที่นี่ครับ หากท่านใดมีแผนจะไปเที่ยวเกียวโต ผมขอแนะนำให้วางแผนการเดินทางให้ดีครับ เพราะ เกียวโตมีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมาก และแต่ละที่มีเวลาเปิดปิดไม่เหมือนกันครับ หากวางแผนผิดอาจจะพลาดสถานที่สวยๆกันไปได้ง่ายๆครับ และหากจะต้องขึ้นรถบัสของเมืองเกียวโต ผมแนะนำให้ซื้อ “Kyoto one day pass” ครับ จะช่วยประหยัดค่ารถได้เยอะเลยครับ ขอให้ทุกๆท่านท่องเที่ยวอย่างมีสติครับ โชคดีมีชัยทุกท่านครับ ไปพบกันต่อที่โอซาก้าครับ ^^

 

By  สิโรดม

สงวนลิขสิทธิ์ห้ามนำภาพถ่ายและบทความไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างเด็ดขาด

 

รีวิว

การเดินทาง
ความคุ้มค่าและความน่าสนใจ

รวม

การมาเที่ยวเกียวโตจะทำให้เพื่อนๆได้สัมผัสกับเรื่องราวของความเป็นญี่ปุ่นแบบแท้ๆ ที่ยังคงความเก่าแก่ได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังสามารถสัมผัสกับวัฒนธรรม ความสวยงามของธรรมชาติได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียวครับ

User Rating: 4.6 ( 1 votes)
Facebook Comments Box

Related Articles